วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

บทที่ 2การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต


การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
การปรับแต่งคอมพิวเตอร์สำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต
             การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้งานภายในบ้าน  จำเป็นจะต้องมีส่วนประกอบสำคัญที่จะสามารถเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต  เพราะการใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้น  จะต้องเกิดจากการเชื่อมต่อของทั้งสองฝั่งก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้  ส่วนประกอบที่สำคัญ คือ
           1.อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
           2.โมเด็ม  (Modem)
           3.โปรแกรมสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต
           4.วิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
           5.การเลือกผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต  (ISP)

อุปกรณ์คอมพิวเตอร์

  1.เมนบอร์ด   (Maimboard)   เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ควรมีประสิทธิภาพสูงพอสมควร  ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานโดยทั่วไป  จะมีซีพียูรุ่น  Celeron, Pentium IV และ AMD  ซึ่งซีพียูเหล่านี้จะรองรับการใช้งานระบบมัลติมีเดียด้วย  ไม่ว่าจะเป็นการ์ดจอ  การ์ดเสียง  ลำโพง  เพราะการท่องเว็บนั้นจะมีทั้งภาพเคลื่อนไหว  และเสียงจึงจำเป็นต้องมีมัลติมีเดียรองรับการใช้งาน
  2.หน่วยความจำแรม   (RAM)  การเลือกหน่วยความจำจะขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการที่ใช้  แต่อย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่า  64-128 MB  แต่ในปัจจุบันระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้คือ Windows XP หน่วยความจำแรมไม่ควรต่ำกว่า 256 MB  เพราะโปรแกรมที่ใช้ต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตจะต้องใช้หน่วยความจำมากพอสมควร

   3.จอภาพและการ์ดแสดงผล    จอภาพสามารถแสดงผลได้ตั้งแต่ 256 สีขึ้นไป ความละเอียดไม่ควรต่ำกว่า 800*600 pixels  ซึ่งในปัจจุบันจอภาพจะสามารถแสดงได้ถึง 16 ล้านสีแล้วให้สามารถแสดงภาพได้ดีโดยเฉพาะภาพถ่าย

4.ระบบมัลติมีเดีย   คือการ์ดเสียงพร้อมลำโพง  หรือถ้าใช้โทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตก็จะต้องมีไมโครโฟนด้วย  และถ้าต้องการพูดคุยแบบให้เห็นหน้าทั้งสองฝ่ายก็จะต้องมีกล้องวิดีโอที่มีความละเอียดต่ำ  ที่เรียกว่า
เว็บแคม”(Webcam)  ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกรุ่นจะมีให้เฉพาะ  การ์ดเสียง  และลำโพงเท่านั้น


โมเด็ม
              โมเด็ม หรือ  Modem (Modulator/Demodulator)  มีหน้าที่แปลงข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล (Digital)   ของระบบคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณเสียงในรูปแบบแอนะล็อก  (Analog)  เพื่อให้สามารถส่งไปทางสายโทรศัพท์ได้  เรียกว่า  การ  Modulate  โดยที่ปลายทางก็จะมีโมเด็มทำหน้าที่แปลงสัญญาณเสียงในรูปแบบแอนะล็อก  (Analog)  ซึ่งรับมาจากโทรศัพท์ให้กลับมาเป็นข้อมูลแบบดิจิทัล  (Digital) เพื่อใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์  เรียกว่า  การ  Demodulate

       1.โมเด็มแบบภายใน (Internal)  มีลักษณะเป็นการ์ดเสียบเข้ากับสล็อกแบบ PCI ภายในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์
       2.โมเด็มแบบภายนอก  (External)  จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์โดยจะต่อเข้าที่Serial Port  และ   USB Port  ของเครื่องคอมพิวเตอร์

       3.โมเด็มแบบ   PCMCIA   เป็นโมเด็มที่มีขนาดเล็กและบางที่สุด  ซึ่งมีขนาดเท่ากับบัตรเครดิต โมเด็มแบบPCMCIAจะถือเป็นโมเด็มแบบภายใน  ซึ่งได้ออกแบบมาสำหรับการใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค (Notebook Computer) เท่านั้น

มาตรฐานการสื่อสารและความเร็วในการรับส่งข้อมูลของโมเด็ม
เป็นมาตรฐานที่มีการกำหนดคุณลักษณะของโมเด็มต่อความเร็วในการรับส่งข้อมูล


โปรแกรมสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต
              อุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแล้ว  ก็ต้องมีโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์  สำหรับใช้ในการปฏิบัติงานอินเทอร์เน็ต  ประกอบด้วย  4  ประเภทดังนี้

       1.โปรแกรมระบบปฏิบัติการ   เป็นโปรแกรมที่จำเป็นมากสำหรับการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ทุอชนิด  เพราะจะเป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่จัดสรรทรัพยากรต่างๆ  ในระบบ

       2.โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์  คือ  โปรแกรมที่ใช้เปิดเว็บเพจต่างๆ  ในอินเทอร์เน็ต  ซึ่งโปรแกรมนี้จะมีความสามารถมากมายที่จะเป็นประโยชน์ในการท่องเว็บ

       3.โปรแกรมสำหรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์   ทำหน้าที่เก็บข้อมูลจดหมายโดยสร้าง โฟลเดอร์สำหรับเก็บจดหมายไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา

       4.โปรแกรมสำหรับการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต   เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับการสื่อสารระหว่างผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยกัน  ทั้งในรูปแบบของการพิมพ์ข้อความโต้ตอบ

    วิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
                วิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ผ่านมาจะใช้โมเด็มแบบที่หมุนโทรศัพท์  หรือเรียกว่า  “Dial-up”  เพื่อทำหน้าที่แปลงข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ในรูปแบบของดิจิทัล (Digital)  ให้เป็นสัญญาณเสียงในรูปแบบแอนะล็อก (Analog)  เพื่อส่งข้อมูลผ่านทางสายโทรศัพท์

       1.การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ  ISDN  (Integrated Services Digital Network)  ISDN  เป็นการเชื่อมต่อผ่านทางสายโทรศัพท์ที่มีการรับส่งข้อมูลในรูปแบบของสัญญาณดิจิทัล   สามารถใช้เป็นการสื่อสารข้อมูลหรือใช้เป็นโทรศัพท์พื้นฐานทั่วไปได้
  BAI  (Basic Access Interface )  สำหรับผู้ใช้รายย่อย  เช่น  ตามบ้านพัก  หรือ หน่วยงานขนาดเล็ก มีความเร็วรวมที่ 128 Mbps
PRI  (Primary Rate Interface)  สำหรับองค์กรขนาดใหญ่  โดยการเดินสายเคเบิลใยแก้วนำแสง (Fiber Optic)  มายังตู้สาขาอัตโนมัติ

ประโยชน์ของการใช้ระบบ  ISDN
                1.สัญญาณจะถูกรบกวนน้อย
                2.มีความเร็วสูงในการรับส่งข้อมูล
                3.ค่าเช่าคู่สาย  และอุปกรณ์มีราคาถูกกว่าการเชื่อมต่อแบบอื่นๆ
                4.สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้เต็มรูปแบบ
                5.สามารถใช้โทรศัพท์พร้อมกับการใช้งานอินเทอร์เน็ต
                6.มีบริการเสริมอื่นๆ  เช่น  ดูเลขหมายโทรศัพท์ที่เรียกเข้า  การโอนสาย

       2.การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ  ADSL (Asymmetric Digital Subscriber Line)  คือ การบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงโดยผ่านทาง  ADSL Modem  สามารถใช้กับการเชื่อมต่อผ่านทางสายโทรศัพท์แบบเดิมได้

อุปกรณ์ที่ใช้
                1.เครื่องคอมพิวเตอร์
                2.ADSL Modem  ใช้ในการแปลงสัญญาณ
                3.Splitter  ใช้สำหรับแยกสัญญาณความถี่สูงของ  ADSL
                4.หมายเลขโทรศัพท์และสายโทรศัพท์

ประโยชน์ของการใช้ระบบ  ADSL
                1.ความเร็วในการเชื่อมต่อสูงถึง  256  Kbps
                2.สามารถใช้บริการอินเทอร์เน็ตได้เต็มรูปแบบ
                3.สามารถใช้โทรศัพท์พร้อมกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้
                4.สามารถใช้ได้กับโทรศัพท์พื้นฐานหมายเลขเดิมที่มีอยู่ในบ้านแล้ว

      3.การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบเคเบิลโมเด็ม  (Cable Modem)  เคเบิลโมเด็มเป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่ไม่ต้องใช้สายโทรศัพท์  แต่อาศัยเครือข่ายเคเบิลจากผู้ให้บริการเคเบิลทีวีประเทศไทย
                ดังนั้นถ้าต้องการใช้บริการแบบเคเบิลโมเด็มจะต้องใช้บริการของ  Asia Net  เท่านั้น  ซึ่งเทคโนโลยีของเคเบิลโมเด็มจะมีความเร็วสูงสุด  2/10  Mbps  คือ  ความเร็วในการส่งข้อมูลที่  2 Mbps  และมีความเร็วในการรับข้อมูลที่  10 Mbps

อุปกรณ์ที่ใช้
                1.เครื่องคอมพิวเตอร์
                2.Splitter  อุปกรณ์สำหรับแยกสัญญาณ
                3.Cable Modem  สำหรับแปลงสัญญาณ


ประโยชน์ของการใช้ระบบเคเบิลโมเด็ม
                1.สามารถเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทันทีโดยไม่ต้องรอสัญญาณการเชื่อมต่อ
                2.มีความเร็วสูงกว่า  128  Kbps

       4.การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม   (Satellite)   เป็นบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอีกรูปแบบหนึ่ง  ซึ่งมีผู้ใช้ให้บริการเพียงรายเดือนคือ  CS Internet  ในเครือชินคอร์ปอเรชั่นเจ้าของดาวเทียมไทยคม  ปัจจุบันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมจะเป็นแบบทางเดียว
อุปกรณ์ที่ใช้
                1.จานดาวเทียม
                2.โมเด็มธรรมดาสำหรับการส่งข้อมูล
                3.สายโทรศัพท์พื้นฐานสำหรับการส่งข้อมูล

ข้อดี-ข้อเสีย
               1.ความเร็วในการรับข้อมูลสูง
               2.ช่องทางการสื่อสารจะถูกรบกวนได้ง่าย
               3.มีอุปกรณ์ที่มีราคาแพง
               4.การส่งข้อมูลกลับ  ต้องใช้โมเด็มกับสายโทรศัพท์ซึ่งมีความเร็วต่ำ
               5.เสียค่าโทรศัพท์เพียงครั้งละ  3  บาท ทั่วประเทศ

       5.การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบวงจรเช่า  (Leased Line)   การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ   Leased Line จะเหมาะกับการใช้งานสำหรับองค์กร  สถาบันการศึกษา  หรือระบบธุรกิจต่างๆ  ที่มีผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก  โดยไม่ต้องหมุนโทรศัพท์เข้าไปยังศูนย์บริการอินเทอร์เน็ต  เพราะการเชื่อมต่อแบบ  Leased Line
จะเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตตลอด  24  ชั่วโมง  ค่าใช้จ่ายในการเช่าจะต้องจ่ายเป็นรายเดือนโดยจะเสียค่าบริการตามความเร็วที่เช่าสายสัญญาณเป็นอัตราเดียวกันทุกเดือน

ค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ  Leased Line
                1.ค่าบริการแรกเข้า
                2.ค่าบริการอินเทอร์เน็ตรายเดือน
                3.ค่าเช่าคู่สาย
                4.ค่าติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

อุปกรณ์ที่ใช้
                1.ระบบเครือข่าย  LAN  ภายในองค์กร
                2.อุปกรณ์พื้นฐาน
                3.องค์กรจะต้องทำสัญญาเพื่อขอเช่า


การเลือกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
       1.ความน่าเชื่อถือ   การสมัครเป็นสมาชิกเพื่อขอใช้บริการจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตนั้นเปรียบเสมือนการซื้อบริการในสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้
       2.ประสิทธิภาพของระบบ   โดยพิจารณาจากความเร็วในการรับส่งข้อมูลการเชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์หลุดบ่อยหรือไม่
       3.หมายเลขโทรศัพท์    ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะมีช่องทางการให้บริการด้วยโมเด็ม  ดังนั้นจำนวนผู้ใช้บริการจะต้องสัมพันธ์กับหมายเลขโทรศัพท์ที่จัดหาไว้
       4.อัตราการใช้โมเด็ม    ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะต้องมีคู่สายโมเด็มเพียงพอต่อการรองรับการใช้บริการของลูกค้า
       5.ค่าบริการ   การให้บริการอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันนี้   จะมีทั้งระบบการซื้อชั่วโมงมาใช้งาน เช่น  10,  20,  25,  30,  50,  100  ชั่วโมงเป็นต้นโดยเราสามารถเลือกซื้อตามปริมาณการใช้งานของเราได้
       6.บริการให้คำปรึกษา    บางครั้งการใช้บริการอินเทอร์เน็ตผู้ใช้บริการอาจเจอปัญหาต่างๆ  เช่น ไม่สามารถเชื่อมต่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตได้  ดังนั้น  ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตควรจะมีบริการให้คำปรึกษาโดยผ่านศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์   หรือโดยให้ผู้ใช้เข้าไปสอบถามที่เว็บไซต์ให้บริการอินเทอร์เน็ตได้
        7.ค่าธรรมเนียมต่างๆ   พิจารณาว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแต่ละแห่ง  นอกเหนือจากอัตราค่าบริการแล้วมีการคิดค่าธรรมเนียมอื่นๆ  อีกหรือไม่
        8.บริการเสริม   นอกจากการให้บริการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแล้ว   ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตได้มีบริการเสริมอื่นๆ


การติดตั้งโปรแกรมเชื่อมต่อแบบ   Dial-up Connection

           เมื่อได้เตรียมอุปกรณ์สำหรับการใช้งาน  และเลือกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้งานได้แล้วก็ต้องทำการติดตั้งโปรแกรมเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยเป็นการใช้งานอินเทอร์เน็ตในรูปแบบการซื้อชั่วโมงสำหรับการใช้งานภายในบ้าน  โดยใช้โทรศัพท์พื้นฐานในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นแบบ Dial-up

การยกเลิกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

            เมื่อต้องการยกเลิกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้คลิกขวาที่รูปคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ด้านล่างของจอ  Desktop  จะปรากฏหน้าต่าง  เพื่อให้เลือก  Disconnect  หรือถ้าต้องการให้แสดงสถานะของการเชื่อมต่อ   ให้เลือกที่  Status  โดยจะแสดงสถานะระยะเวลา  และความเร็วในการเชื่อมต่อ





                                                     แบบฝึกหัดบทที่ 2


1โมเด็มแบ่งออกเป็นกี่ประเภท
 ก 1 ประเภท     ข2ประเภท
 ค3 ประเภท       ง 4 ประเภท

2โทเด็มที่มีขนาดเล็กและบางที่สุด  ซึ่งมีขนาดเท่ากับบัตรเครดิต โมเด็มแบบใด
ก  Internal        External
ค  PCMCIA     Wireless

3 โปรแกรมที่มีความสำคัญในการใช้งานอิเล็กทรอนิกส์ มีกี่ประเภท
ก   2 ระดับ                 ข  3 ระดับ
ค    4 ระดับ                 ง   5 ระดับ

4โมเด็มแบบภายในเรียกว่า
External      ข     Pcmcia
Internal      ง     Wireless

5การให้บริการ ISDN   แบ่งออกเป็นกี่ระดับ
ก  2 ระดับ          ข    3  ระดับ
ค   4  ระดับ        ง    5  ระดับ

6  ประโยชน์ของการใช้ระบบ ADSL  โดยชึความเร็วเท่าไร
ก  200  Kbps                                  ข  256  Kbps
250   Kbps                                  ง   260  Kbps

7 เทคโนโยยีของเคเบิลโมเด็มจะมีความเร็วสูงสุดเท่าใด
ก    2/10 Mbps              4/10  Mbps
3/15  Mbps                 ง  5/15  Mbps

8   การหมุนโทรศัพท์ในเขตพื้นที่เดียวกันจะเสียค่าบริการครั้งระกี่บาท
ก     2  บาท                         ข  3 บาท
ค  4  บาท                             ง  5  บาท

9   โมเด็ม  1  ตัว ต่อสมาชิกกี่ราย
ก   2 ราย                              ข   3  ราย
ค    4  ราย                            ง    5  ราย

10  ความเร็วในการรับข้อมูลความเร็วจะอยู่ที่เท่าไร
ก  64  Kbps                         ข  60 Kbps
ค   65 Kbps                         ง   70 Kbps


เฉลย

1.ค   2.ค  3.ข   4.ค   5.ก  6.ข   7.ก  8.ข   9.ค   10.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น